ตอบ
| อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter และ net 1. อินเทอร์ (Inter) คือ ระหว่าง หรือท่ามกลาง 2. เน็ต (Net) คือ เครือข่าย (Network) อินเทอร์เน็ต (Internet) คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย รวมเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งโลก คือ เครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย คือ การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย คือ เครือข่ายของเครือข่าย ข้อมูลจากหนังสือดี + Internet starter kit (Adam C.Engst | Corwin S. Low | Michael A. Simon) + เปิดโลกอินนเทอร์เน็ต (สมนึก คีรีโต | สุรศักดิ์ สงวนพงษ์ | สมชาย นำประเสริฐชัย) + User's Basic Guide to the Internet (สำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) + The ABCs of The Internet (Srisakdi Charmonman,Ph.D. ...) |
(หากมีสิ่งใดผิดพลาด หรือไม่ถูกต้อง ขอได้ชี้แนะมายังทีมงาน เราจะรีบตรวจสอบ และแก้ไขในทันที - E-Mail) ![]() ผังแสดงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet) |
2. ความเป็นมาของอินเตอร์เน็ต
ตอบ
| ประวัติความเป็นมา | |
ข้อมูลจาก http://www.computerhistory.org/exhibits/internet_history/
และ http://www.sri.com/about/timeline/arpanet.html | ![]() |
What is IPv6?
from RFC2460 = Request for Comments:2460 . | IP4 to IP6 Webguides - ipv6.net | ipv6.org - byxtreme.com * - buu.ac.th - kmitnb.ac.th - sun.com - wikipedia.org - tcpipguide.com - nectec.or.th - itcompanion.co.th - nectec.or.th - vanbest.org (IETF:1990) |
![]() Webserver โปรแกรมที่พัฒนาขึ้น - Web Browser - Web Server Mosaic เป็น Web Browser ที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลายในราวปีค.ศ.1993 ด้วยความสามารถที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลในแบบภาพกราฟฟิกและสื่อผสมได้ง่าย สำหรับ world wide web พัฒนาโดย Marc L. Andreessen และ Eric J. Bina ขึ้นที่ The national center for supercomputing application (NCSA) + รายชื่อเว็บบราวเซอร์ (Web browser lising) | เวิลด์ไวด์เว็บเข้าเบญจเพส (itinlife441) เวิลด์ไวด์เว็บ (www = world wide web) คือพื้นที่เก็บข้อมูลข่าวสารและเผยแพร่ที่เชื่อมต่อกันทางอินเทอร์เน็ต มักเรียกอย่างสั้นว่าเว็บ มีกำเนิดปีพ.ศ. 2532 โดย Tim Berners-Lee และใช้เครื่อง NeXT เป็นเครื่องบริการเว็บ (Web server) เครื่องแรกของโลก ผ่านโปรโตคอล HTTP เมื่อนับอายุถึงปัจจุบันก็ได้ 25 ปี ซึ่งคนไทยเชื่อว่าย่างเข้าเบญจเพส กำลังเป็นหนุ่มเป็นสาวเต็มที่ แต่ความนิยมของ www ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเกิดขึ้นมาแล้วนับร้อยปี เพราะมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนไปตลอดเวลา ที่มีทั้งด้านบวกและลบควบคู่กันไป แม้จะรับรู้กันว่ามนุษย์เข้าถึงอินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย จากข้อมูลกลางปี 2555 พบว่ามีเพียงร้อยละ 34.3 ที่ได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากผู้ใช้ 2.4 พันล้านคนจากประชากร 7 พันล้านคน ซึ่งหลายคนเชื่อว่าอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตจะไม่ลดลง การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ได้มีเฉพาะมนุษย์เท่านั้น แต่พบว่าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ไม่ได้เกิดจากการกระทำของมนุษย์โดยตรงมีสูงกว่าร้อยละ 60 ของผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์ หรือ 1.45 พันล้านบอท (bots) จากรายงานในบล็อกของ incapsula.com ซึ่งมีพฤติกรรมที่คุ้นเคย เช่น ขูดเอาอีเมล (Scraper) ส่งสแปม (Spam) แฮกระบบ (Hacking tools) ปลอมตัวเป็นคน (Impersonators) แม้จะมีความพยายามป้องกันในทุกวิถีทาง แต่ก็มีผู้ไม่ประสงค์ดีพยายามหลบหลีกการป้องกันเหล่านั้นมาให้ได้เห็นอยู่เสมอ การใช้งานอินเทอร์เน็ตแบ่งกลุ่มการใช้งานได้ 4 กลุ่มคือ การสื่อสาร การค้า การศึกษา และความบันเทิง ปัจจุบันพบว่าสถิติการใช้เพื่อการสื่อสารสูงเป็นอันดับหนึ่ง พบรายงานการใช้ line และ facebook ของคนไทยสูงขึ้นเป็นปรากฎการณ์ ส่วนความบันเทิงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน พบว่า The Intelligence Group รายงานผลสำรวจว่าปลายปี 2556 มีวัยรุ่น 14 -- 18 ปีจำนวน 3 ใน 4 ที่สหรัฐอเมริกาใช้ youtube สม่ำเสมอกว่า facebook แต่ถ้าอายุ 24 ปีขึ้นไปยังใช้ facebook สูงกว่า ส่วนอันดับสามคือ iTunes ให้บริการฟังเพลงบนอุปกรณ์ของ Apple เช่น iPhone หรือ iPod หรือ iPad อันดับสี่คือ instagram ซึ่งสถิตินี้ตอกย้ำว่าการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงยังครองตลาดผู้บริโภคในปัจจุบันอย่างเด่นชัด ในกลุ่มวัยรุ่นไทยก็อาจมีสถิติที่ใกล้เคียงกัน อินเทอร์เน็ตจะยังได้รับความนิยมตราบเท่าที่มนุษย์ชื่นชอบการสื่อสาร และความบันเทิง + http://www.emarketer.com/Article/ + http://thumbsup.in.th/2014/02/teen-youtube-over-facebook/ + http://www.incapsula.com/blog/bot-traffic-report-2013.html + http://www.thecultureist.com/2013/05/09/ + http://motherboard.vice.com/blog/ + http://edition.cnn.com/2014/03/12/tech/ |
3.ISP คืออะไร
ตอบ
ISP หรือ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต คืออะไร ISP คือ บริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ซึ่งบางครั้งเรียก ISPs ก็มีความหมายอย่างเดียวกัน-ผู้เขียน) ย่อมาจากคำว่า Internet Service Provider ตามหนังสือศัพท์คอมพิวเตอร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พิมพ์ครั้งที่ 4 ได้ระบุความหมายว่าหมายถึง "ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต" ISPเป็นหน่วยงานที่บริการให้เชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัท เข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ หน่วยงานราชการหรือสถาบันการศึกษา กับบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ทั่วไป ISP ที่เป็นหน่วยงานราชการ หรือสถาบันการศึกษา มักจะเป็นการให้บริการฟรีสำหรับสมาชิกขององค์การเท่านั้น แต่สำหรับ ISPประเภทที่ให้บริการในเชิงพาณิชย์ ผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ ISP รายนั้นๆ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งอัตราค่าบริการจะขึ้นอยู่กับ ISP แต่ละราย ข้อดีสำหรับผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในเชิงพาณิชย์ก็คือ การให้บริการที่มีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งรองรับกับความต้องการของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน มีทั้งรูปแบบส่วนบุคคล ซึ่งจะให้บริการกับประชาชนทั่วไปที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ต และบริการในรูปแบบขององค์กร หรือบริษัท ซึ่งให้บริการกับบริษัทห้างร้าน หรือองค์กรต่าง ๆ ที่ต้องการให้พนักงานในองค์กรได้ใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ISP จะเป็นเสมือนตัวแทนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ถ้าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องการข้อมูลอะไรก็สามารถติดต่อผ่าน ISP ได้ทุกเวลา โดยวิธีการสมัครสมาชิกนั้น เราสามารถโทรศัพท์ติดต่อไปยัง ISP ที่ให้บริการต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถเลือกรับบริการได้ 2 วิธี คือ ซื้อชุดอินเทอร์เน็ตสำเร็จรูปตามร้านทั่วไปมาใช้ และสมัครเป็นสมาชิกรายเดือน โดยใช้วิธีการติดต่อเข้าไปยัง ISP โดยตรง ซึ่งวิธีการ และรายละเอียดในการให้บริการของแต่ละที่นั้นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบการให้บริการของ ISP รายนั้น ๆ จะกำหนด ในการเลือก ISP นั้น ต้องพิจารณาความเหมาะสมในการใช้งานของเราเป็นหลัก โดยมีหลักในการพิจารณาหลายอย่างด้วยกัน เช่น ความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตว่ามีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับหรือไม่ ดำเนินธุรกิจด้านนี้มากี่ปี มีสมาชิกใช้บริการมากน้อยขนาดไหน มีการขยายสาขาเพื่อให้บริการไปยังต่างจังหวัดหรือไม่ มีการลงทุนที่จะพัฒนาการให้บริการมากน้อยเพียงใด เป็นต้น ประสิทธิภาพของตัวระบบ ก็เป็นส่วนสำคัญที่เราจำเป็นต้องพิจารณาด้วย เช่น ความเร็วในการรับ/ส่ง สม่ำเสมอหรือไม่ (บางครั้งเร็วบางครั้งช้ามาก) สายโทรศัพท์ต้นทางหลุดบ่อยหรือไม่ หรือในบางกรณีที่เรากำลังถ่ายโอนข้อมูล มายังเครื่องคอมพิวเตอร์ปรากฏว่าใช้งานไม่ได้ การเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศ ไปที่ใดบ้างด้วยความเร็วเท่าไหร่ และการเชื่อมต่อกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศเป็นอย่างไร มีสายสัญญาณหลักที่เร็ว หรือมีประสิทธิภาพสูงมากเพียงใด เพราะปัจจัยเหล่านี้จะมีผลต่อความเร็วในการใช้อินเทอร์เน็ตด้วย งานหลักของ ISP ISP : Internet Service Provider คือ บริษัทที่ให้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ต เป็นเสมือนตัวแทนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ถ้าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องการข้อมูลอะไรก็สามารถติดต่อผ่าน ISP ได้ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง โดยการเลือก ISP นั้น ต้องพิจารณาความเหมาะสมในการใช้งานของเราเป็นหลัก รวมถึงค่าบริการก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เราต้องคำนึงถึง โดยหลักการพิจารณา ISP นั้น เราต้องดูว่า ISP มีสายสัญญาณหลักที่เร็ว หรือมีประสิทธิภาพสูงมากเพียงใด มีสมาชิกใช้บริการมากน้อยขนาดไหน เพราะปัจจัยเหล่านี้จะมีผลต่อความเร็วในการใช้อินเทอร์เน็ตด้วย โดยวิธีการสมัครสมาชิกนั้น เราสามารถโทรศัพท์ติดต่อไปยัง ISP ที่ให้บริการต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถเลือกรับบริการได้ 2 วิธี คือ ซื้อชุดอินเทอร์เน็ตสำเร็จรูปตามร้านทั่วไปไปใช้ และสมัครเป็นสมาชิกรายเดือน โดยใช้วิธีการติดต่อเข้าไปยัง ISP โดยตรง ซึ่งวิธีการ และรายละเอียดในการให้บริการของแต่ละที่นั้นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบการให้บริการของ ISP รายนั้น ๆ จะกำหนด หน้าที่โดยทั่วไปของ ISP ก็อย่างที่บอกแต่แรกว่าคำว่า ISP มีหลายความหมาย หลายบทบาท ซึ่งแต่ละบทบาทนั้นความรับผิดก็จะแตกต่างกันออกไป ในที่นี้จะขอกล่าวถึงในความหมายที่เข้าใจกันโดยทั่วไป คือ ผู้ให้บริการอินเทอร์เนตโดยจะรวมไปถึงบริการ Webhosting ซึ่งหมายถึง บริการให้เช่าพื้นที่ Website และผู้ที่ทำหน้าที่ดูแล Webboard สาธารณะ โดยอาจรวมถึง Webmaster ที่มีความรับผิดชอบโดยตรงกับข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บด้วย หน้าที่หลักๆของ ISP ก็คือ การให้บริการทางอินเทอร์เน็ต การดูแล Website การตรวจสอบข้อมูลที่จะผ่านออกไปลงในเว็บ ผู้ให้บริการ ISP มี 18 แห่งคือ 1.บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส จำกัด 2. บริษัท เคเอสซี คอมเมอร์เชียล อินเทอร์เน็ต จำกัด 3. บริษัท อินโฟ แอคเซส จำกัด 4. บริษัท สามารถ อินโฟเน็ต จำกัด 5. บริษัท เอเน็ต จำกัด 6. บริษัท ไอเน็ต (ประเทศไทย) จำกัด 7. บริษัท เวิลด์เน็ต แอน เซอร์วิส จำกัด 8. บริษัท ดาตา ลายไทย จำกัด 9. บริษัท เอเชีย อินโฟเน็ต จำกัด 10. บริษัท ดิไอเดีย คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย จำกัด 11. บริษัท สยาม โกลบอล แอกเซส จำกัด 12. บริษัท ซีเอส คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 13. บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด 14. บริษัท ชมะนันท์ เวิลด์เน็ต จำกัด 15. บริษัท ฟาร์อีสต์ อินเทอร์เน็ต จำกัด 16. บริษัท อีซีเน็ต จำกัด 17. บริษัท เคเบิล วายเลส จำกัด 18. บริษัท รอยเน็ต จำกัด (มหาชน)
4.อินเติร์เน็ตเชือมต่อกันอย่างไร
4.1 ADSL/FTTx(อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง)
ตอบ

ADSL ย่อมาจาก Asymmetric Digital Subscribers Line คือเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงแบบใหม่ ซึ่งทำให้สามารถเชื่อมต่อ Internet และเครือข่ายระยะไกลได้ด้วยความเร็วสูงโดยใช้คู่สายโทรศัพท์ธรรมดา ถือเป็นเทคโนโลยีของ Modem แบบใหม่ ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของสายโทรศัพท์ที่ทำจากลวดทองแดงธรรมดา ให้เป็นเส้นสัญญาณนำส่งข้อมูลความเร็วสูง โดย ADSL สามารถจัดส่งข้อมูลจากผู้ให้บริการด้วยความเร็วมากกว่า 6 Mbps ไปยังผู้รับบริการ หมายความว่าผู้ใช้บริการสามารถ Download ข้อมูลด้วยความเร็วสูงมากกว่า 6 Mbps ขึ้นไปจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือผู้ให้บริการข้อมูลทั่วไป (ส่วนจะได้ความเร็ว กว่า 6 Mbps หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ รวมทั้งระยะทางการเชื่อมต่ออีกด้วย)
เทคโนโลยี ADSL มีความเร็วในการรับข้อมูล (Downstream) และความเร็วในการส่งข้อมูล (Upstream) ไม่เท่ากัน โดยมีความเร็วในการรับข้อมูล สูงกว่าความเร็วในการส่งข้อมูลเสมอ เทคโนโลยี ADSL มีความเร็วในการรับข้อมูลสูงสุด 8 เม็กกะบิตต่อวินาที (Mbps) และความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุดที่ 640 กิโลบิตต่อวินาที (Kbps.) ความเร็วอาจเริ่มตั้งแต่ 128/64, 256/128, 512/256 เป็นต้น โดยความเร็วแรกเป็นความเร็วขารับข้อมูล
คุณสมบัติของเทคโนโลยี ADSL มีดังนี้
1.ความเร็วสูง เทคโนโลยี ADSL มีความเร็วสูงกว่าโมเด็มแบบ 56K ธรรมดากว่า 5 เท่า (256 Kbps.) หรือสูงสุดกว่า 140 เท่าที่ความเร็ว 8 Mbps.
2.การเชื่อมต่อแบบ Always On สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา เหมาะสำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
3.ค่าใช้จ่ายคงที่ ในอัตราที่ประหยัด ค่าใช้จ่ายเป็นแบบเหมาจ่ายรายเดือนแบบไม่จำกัดเวลา ในราคาเริ่มต้นที่ประหยัด ไม่ต้องเสียค่าเชื่อมต่อโทรศัพท์ต่อครั้ง
ประโยชน์จากการใช้บริการ ADSL
1.สามารถคุยโทรศัพท์พร้อมกันกับการ Access ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้พร้อมกัน ด้วยสายโทรศัพท์เส้นเดียวกัน โดยไม่หยุดชะงัก
2.สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วเป็น 140 เท่าเมื่อเทียบกับการใช้ Modem แบบ Analog ธรรมดา
3.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของท่านจะถูกเปิดอยู่เสมอ (Always-On Access) ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากการส่งถ่ายข้อมูลถูกแยกออกจากการ เรียกเข้ามาของ Voice หรือ FAX ดังนั้นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของท่านจะไม่ถูกกระทบกระเทือนแต่อย่างใด
4.ไม่มีปัญหาเนื่องสายไม่ว่าง ไม่ต้อง Log On หรือ Log off ให้ยุ่งยากอีกต่อไป
5.ADSL ไม่เหมือนกับการให้บริการของ Cable Modem ตรงที่ ADSL จะทำให้ท่านมีสายสัญญาณพิเศษเฉพาะเพื่อเชื่อมต่อกับ อินเทอร์เน็ต ขณะที่ Cable Modem เป็นการ Share ใช้สายสัญญาณกับผู้ใช้คนอื่นๆ ที่อาจเป็นเพื่อนบ้านของท่าน
6.ที่สำคัญ Bandwidth การใช้งานของท่านจะมีขนาดคงที่ (ตามอัตราที่ท่านเลือกใช้บริการอยู่เสมอ) ขณะที่ขนาดของ Bandwidth ของการเข้ารับบริการ Cable Modemหรือการใช้บริการ อินเทอร์เน็ตปกติของท่าน จะถูกบั่นทอนลงตามปริมาณการใช้งาน อินเทอร์เน็ตโดยรวม หรือการใช้สาย Cable Modem ของเพื่อนบ้านท่าน
7.สายสัญญาณที่ผู้ให้บริการ ADSL สำหรับท่านนั้น เป็นสายสัญญาณอิสระไม่ต้องไป Share ใช้งานกับใคร ด้วยเหตุนี้ จึงมีความน่าเชื่อถือ และมีความปลอดภัยสูง
Powered By Mr.Siwakorn B.
101/336 M.3 T.Samed J.Chonburi 20000.
Webmaster : thame.plus@hotmail.com
FTTX
FTTH นั้น ความจริงชื่อกลางของมันคือ FTTx คำว่า x หมายถึงสถานที่ ที่สายใยแก้วนั้นไปถึง หากไปถึงบ้าน ก็จะเรียกว่า FTTH (Home) ไปถึงตึกจะเรียกว่า FTTB (Building) ไปถึงสำนักงานจะเรียกว่า FTTO (Office) เป็นต้น
เทคโนโลยี FTTx ถูกใช้งานในหลากหลายประเทศแล้วไม่ว่าจะเป็น อเมริกา เกาหลี จีน และที่ถูกใช้งานอย่างมากที่สุดคือประเทศญี่ปุ่น ซึ่งราคาเมื่อเทียบกับ ADSL แล้วมีราคาแพงกว่าประมาณ 30% (ในปัจจุบัน) สำหรับประเทศไทย เทคโนโลยีนี้มีเข้ามา 3-4 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีการใช้งานอย่างจริงจัง แต่ว่ามีการทดสอบกันอย่างจริงจังในบางพื้นที่แล้ว
แน่นอนว่าการใช้งานระบบ FTTx นั้นเราจะไม่สามารถใช้งานสายโทรศัพท์ปกติเหมือน ADSL ดังนั้นต้องมีการวางระบบ เพื่อสร้างโครงข่ายใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะต้องเกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน โดยเริ่มตั้งปัจจัยพื้นฐานของอุปกรณ์ตั้งแต่ สายนำสัญญาณ รวมไปถึงอุปกรณ์ รับ-ส่ง สัญญาณ นั้นต้องใช้ใหม่ทั้งหมดเช่นกัน
FTTH : Fiber to the Home เป็นเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ความเร็วสูงภายในบ้านผ่านสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ปัจจุบันเราใช้ ADSL ซึ่งสายโทรศัพท์นี้เป็นสายทองแดง ได้ความเร็วเต็มที่แค่ 9-10 Mbps หากเราเปลี่ยนมาใช้ FTTH โดยเปลี่ยนจากสายทองแดงเป็นสาย Fiber Obtic (เคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ) เมื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเราจะได้อินเตอร์เน็ตแรงเร็วสูงมากขึ้น ด้วยความเร็วสูงระดับ 100 Mbps การอัพโหลดมีประสิทธิภาพในการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระห่ว่าง FTTx กับ ADSL คือ
FTTH สามารถส่งเน็ตความเร็วสูงได้ไกลมาก สูงถึง 20 Km เลยทีเดียว และความเร็วสปีดในการ upload /download มากกว่า 2Mbps และอยู่ระดับเท่ากันกับความเร็วดาวน์โหลดด้วย
ADSL ใครที่อยู่ใกล้ชุมสาย มากที่สุดจะได้ความเร็วเต็มที่ ใครที่อยู่ไกลห่างจากชุมสายออกไป สัญญาณรบกวนเยอะมาก อัพโหลดได้น้อย (ได้ความเร็วอัพโหลดจำกัด สูงสุดแค่ 2Mbps เท่านั้น)
สามารถประยุกต์ในการใช้งานเน็ตในรูปแบบต่างๆที่แตกต่างจากการใช้งานผ่านเน็ต ADSL ธรรมดา เช่น สามารถดูรายการทีวีบนอินเตอร์เน็คด้วยความละเอียดสูง สามารถดูทีวีไปใช้งานอินเตอร์เน็ตไปผ่านทางทีวีแบบ Smart TV ชมทีวีคุณภาพ HD, เราสามารถทำประชุมทางไกลผ่านทาง Video Conference พร้อมกันหลายๆคน (นึกถึง google hangouts) , การเรียนการสอนผ่านทางไกล , การรับส่งไฟล์ผ่านทาง cloud computing อย่างรวดเร็ว , การรักษาโรคผ่านระบบทางไกล , ดูกล้อง CCTV ผ่านทาง IP CAMERA ความละเอียดสูง , การถ่ายทอดสดแบบ REALTIME พร้อมสามารถคุยโต้ตอบทันทีได้ เป็นต้น
ในประเทศไทยเองปัจจุบันนี้ ก็มีผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง FTTx อยู่หลายๆ เจ้า เช่น TOT , 3BBและ TrueOnline เริ่มเปิดให้บริการอินเตอร์เน็ตแบบ FTTH ในบางจังหวัดและบางพื้นที่แล้ว
IT News: FTTx สุดยอดเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
FTTH ย่อมาจากคำว่าไฟเบอร์ทูเดอะโฮม ( Fiber to the Home) หมายความว่า นำสายใยแก้วนำแสง ส่งตรงถึงบ้านของลูกค้า (ปกติแล้วสายประเภทนี้ มีใช้กันอยู่แล้วภายในองค์กร หรือ ระหว่างองค์กร กับ องค์กร ) ซึ่งคุณภาพ และความเร็วในการ รับ-ส่ง สัญญาณ สูงกว่าสายโทรศัพท์ธรรมดาที่เราใช้กันในระบบ ADSL หลายร้อย-พันเท่า ซึ่งตัวเลขความเร็วที่ทางผู้ผลิตสายกล่าวถึงนั้น สามารถขึ้นได้สูงเป็นกิกะบิตต่อวินาที (Gbps) กันเลย
FTTH นั้น ความจริงชื่อกลางของมันคือ FTTx คำว่า x หมายถึงสถานที่ ที่สายใยแก้วนั้นไปถึง หากไปถึงบ้าน ก็จะเรียกว่า FTTH (Home) ไปถึงตึกจะเรียกว่า FTTB (Building) ไปถึงสำนักงานจะเรียกว่า FTTO (Office) เป็นต้น
เทคโนโลยี FTTx ถูกใช้งานในหลากหลายประเทศแล้วไม่ว่าจะเป็น อเมริกา เกาหลี จีน และที่ถูกใช้งานอย่างมากที่สุดคือประเทศญี่ปุ่น ซึ่งราคาเมื่อเทียบกับ ADSL แล้วมีราคาแพงกว่าประมาณ 30% (ในปัจจุบัน) สำหรับประเทศไทย เทคโนโลยีนี้มีเข้ามา 3-4 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีการใช้งานอย่างจริงจัง แต่ว่ามีการทดสอบกันอย่างจริงจังในบางพื้นที่แล้ว
แน่นอนว่าการใช้งานระบบ FTTx นั้นเราจะไม่สามารถใช้งานสายโทรศัพท์ปกติเหมือน ADSL ดังนั้นต้องมีการวางระบบ เพื่อสร้างโครงข่ายใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะต้องเกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน โดยเริ่มตั้งปัจจัยพื้นฐานของอุปกรณ์ตั้งแต่ สายนำสัญญาณ รวมไปถึงอุปกรณ์ รับ-ส่ง สัญญาณ นั้นต้องใช้ใหม่ทั้งหมดเช่นกัน
FTTH : Fiber to the Home เป็นเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ความเร็วสูงภายในบ้านผ่านสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ปัจจุบันเราใช้ ADSL ซึ่งสายโทรศัพท์นี้เป็นสายทองแดง ได้ความเร็วเต็มที่แค่ 9-10 Mbps หากเราเปลี่ยนมาใช้ FTTH โดยเปลี่ยนจากสายทองแดงเป็นสาย Fiber Obtic (เคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ) เมื่อเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเราจะได้อินเตอร์เน็ตแรงเร็วสูงมากขึ้น ด้วยความเร็วสูงระดับ 100 Mbps การอัพโหลดมีประสิทธิภาพในการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระห่ว่าง FTTx กับ ADSL คือ
FTTH สามารถส่งเน็ตความเร็วสูงได้ไกลมาก สูงถึง 20 Km เลยทีเดียว และความเร็วสปีดในการ upload /download มากกว่า 2Mbps และอยู่ระดับเท่ากันกับความเร็วดาวน์โหลดด้วย
ADSL ใครที่อยู่ใกล้ชุมสาย มากที่สุดจะได้ความเร็วเต็มที่ ใครที่อยู่ไกลห่างจากชุมสายออกไป สัญญาณรบกวนเยอะมาก อัพโหลดได้น้อย (ได้ความเร็วอัพโหลดจำกัด สูงสุดแค่ 2Mbps เท่านั้น)
สามารถประยุกต์ในการใช้งานเน็ตในรูปแบบต่างๆที่แตกต่างจากการใช้งานผ่านเน็ต ADSL ธรรมดา เช่น สามารถดูรายการทีวีบนอินเตอร์เน็คด้วยความละเอียดสูง สามารถดูทีวีไปใช้งานอินเตอร์เน็ตไปผ่านทางทีวีแบบ Smart TV ชมทีวีคุณภาพ HD, เราสามารถทำประชุมทางไกลผ่านทาง Video Conference พร้อมกันหลายๆคน (นึกถึง google hangouts) , การเรียนการสอนผ่านทางไกล , การรับส่งไฟล์ผ่านทาง cloud computing อย่างรวดเร็ว , การรักษาโรคผ่านระบบทางไกล , ดูกล้อง CCTV ผ่านทาง IP CAMERA ความละเอียดสูง , การถ่ายทอดสดแบบ REALTIME พร้อมสามารถคุยโต้ตอบทันทีได้ เป็นต้น
ในประเทศไทยเองปัจจุบันนี้ ก็มีผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง FTTx อยู่หลายๆ เจ้า เช่น TOT , 3BBและ TrueOnline เริ่มเปิดให้บริการอินเตอร์เน็ตแบบ FTTH ในบางจังหวัดและบางพื้นที่แล้ว
4.2 3G/4G อินเติร์เน็ตไร้สายความเรร็วสูง
ตอบ
เทคโนโลยี 3G และ 4G แตกต่างกันอย่างไร ?
ถ้าพูดถึงเทคโนลียี 3G และ 4G เชื่อว่าหลายคนๆต้องเคยไดยินกันอย่างคุ้นหูในปัจจุบัน แต่หลายๆคนก็อาจจะไม่รู้ถึงความหมายว่าจริงๆแล้วมันคืออะไร ใช้งานอย่างไร และ 3G กับ 4G แตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราจะได้มาไขข้อข้องใจกันค่ะ
3G คือ เทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ซึ่งยังมีข้อจำกัดอยู่มากในด้านความรวดเร็วและคุณภาพของข้อมูลที่ทำการส่ง โดยการพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการแบบมัลติมีเดีย และส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น ทำให้มีการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลตลอดจนแอพพลิเคชั่นต่างๆดีขึ้น รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้บริการมัลติมีเดียได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยผ่านอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และเทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA โทรศัพท์มือถือ และ อินเทอร์เน็ต เป็นต้น
4G คือ เทคโนโลยีซึ่งเป็นเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงชนิดพิเศษ หรือเป็นเส้นทางด่วนสำหรับข้อมูลที่ไม่ต้องอาศัยการลากสายเคเบิล โดยระบบเครือข่ายใหม่นี้ จะสามารถใช้งานได้แบบไร้สาย รวมถึงคุณสมบัติการเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ (three-dimensional) ระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์ด้วยกันเอง นอกจากนั้น สถานีฐาน ซึ่งทำหน้าที่ในการส่งผ่านสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่จากเครื่องหนึ่งไปยังอีก เครื่องหนึ่ง สำหรับ 4จี จะสามารถส่งผ่านข้อมูลแบบไร้สายด้วยระดับความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้นถึง 100 เมกะไบต์ต่อวินาที ซึ่งห่างจากความเร็วของชุดอุปกรณ์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ที่ระดับ 10 กิโลบิตต่อวินาที เป็นการต่อยอดจากเทคโนโลยี 3 G ในอนาคตการติดต่อสื่อสารทางเครือข่าย 4 Gนั้นสามารถแสดงภาพออกมาในลักษณะของ 3 D hologram สามารถฉายภาพบุคคลหรือสิ่งของออกมาในรูปแบบ3มิติ
3G กับ 4G ต่างกันอย่างไร
ระบบเครือข่ายทั้ง 3G และ 4G มีพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกัน ต่างกันตรงที่ความเร็วในการรับส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย และ ความสามารถครอบครุมพื้นที่การให้บริการที่ระบบเทคโนโลยี 4G สามารถพัฒนาความเร็วในการส่งข้อมูลได้มากกว่าและกว้างขวางกว่าระบบ 3G มากซึ่งในอนาคตอันใกล้ระบบเครือข่าย 4G จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการติดต่อสื่อสารของโลกทั้งในเรื่อง เศรษฐกิจ และ สังคม ที่เทคโนโลยี 4Gจะเข้ามาทำให้คนทั่วโลกใกล้ชิดกันมากขึ้น สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ในทุกที่ทุกเวลาที่ระบบ 4G เข้าถึง
4.3 Satellite อิอเตอร๋เน็ตผ่านดาวเทียม
ตอบ
ตอบ
Satellite
ดาวเทียมที่ติดตั้งเครื่องรับสัาณจากระยะไกล (Remote Sensor) เพื่อสำรวจพื้นโลกเรียกว่า ดาวเทียมสำรวจโลก หรือดาวเทียมสำรวจทัรพยากร ซึ่งดาวเทียมประเภทนี้จะมีคุณลักษณะพิเศษเฉพาะ แตกต่างกันออกไปตามลักษณะวงโคจร ระดับความสูงและลักษณะเครื่องรับสัาณ ซึ่งลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้จะแตกต่าง จากดาวเทียมสี่อสารโดยทั่ว ๆ ระบบดาวเทียมสำรวจจากระยะไกล ประกอบด้วย ระบบหลัก 3 ระบบที่สำคัดังนี้
1. ระบบติดตามและควบคุม (Control System) ทำหน้าที่คอยหาวงโคจรของดาวเทียมควบคุมวงโคจร ดำเนินกรรมวิธีโปรแกรมต่าง ๆ ให้กับดาวเทียม
2. ระบบควบคุมการปฏิบัติงาน (Operating System) ทำหน้าที่วางแผนการปฏิบัติงานของ ดาวเทียม ประเมินผลข้อมูลจากการสำรวจฐานข้อมูล
3. ระบบข้อมูล (Data System) ทำหน้าที่รับสัาณ การบันทึกสัาณ กรรมวิธีข้อมูล การเก็บและ แจกจ่ายข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ
ดาวเทียมสำรวจโลกมีวงโคจรในลักษณะสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ (Sunsynchronous Satellite) คือ วงโคจรที่หมุนเวียนครบรอบระนาบวงโคจรใน 1 ปี เช่นเดียวกับการปรากฎของดวงอาทิตย์หนึ่งรอบในแต่ ละปีกล่าวคือ ดาวเทียมโคจรรอบโลกผ่านเส้นศูนย์สูตรในแนวเหนือใต้ในระดับความสูงไม่มากนักโดยเฉลี่ย
ดาวเทียมที่ติดตั้งเครื่องรับสัาณจากระยะไกล (Remote Sensor) เพื่อสำรวจพื้นโลกเรียกว่า ดาวเทียมสำรวจโลก หรือดาวเทียมสำรวจทัรพยากร ซึ่งดาวเทียมประเภทนี้จะมีคุณลักษณะพิเศษเฉพาะ แตกต่างกันออกไปตามลักษณะวงโคจร ระดับความสูงและลักษณะเครื่องรับสัาณ ซึ่งลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้จะแตกต่าง จากดาวเทียมสี่อสารโดยทั่ว ๆ ระบบดาวเทียมสำรวจจากระยะไกล ประกอบด้วย ระบบหลัก 3 ระบบที่สำคัดังนี้
1. ระบบติดตามและควบคุม (Control System) ทำหน้าที่คอยหาวงโคจรของดาวเทียมควบคุมวงโคจร ดำเนินกรรมวิธีโปรแกรมต่าง ๆ ให้กับดาวเทียม
2. ระบบควบคุมการปฏิบัติงาน (Operating System) ทำหน้าที่วางแผนการปฏิบัติงานของ ดาวเทียม ประเมินผลข้อมูลจากการสำรวจฐานข้อมูล
3. ระบบข้อมูล (Data System) ทำหน้าที่รับสัาณ การบันทึกสัาณ กรรมวิธีข้อมูล การเก็บและ แจกจ่ายข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ
ดาวเทียมสำรวจโลกมีวงโคจรในลักษณะสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ (Sunsynchronous Satellite) คือ วงโคจรที่หมุนเวียนครบรอบระนาบวงโคจรใน 1 ปี เช่นเดียวกับการปรากฎของดวงอาทิตย์หนึ่งรอบในแต่ ละปีกล่าวคือ ดาวเทียมโคจรรอบโลกผ่านเส้นศูนย์สูตรในแนวเหนือใต้ในระดับความสูงไม่มากนักโดยเฉลี่ย
5.โปรโตคอล protocal(กติกาบนอิเตอร์เนต)
5.1 Tcp/ip>>>
ตอบ
โปรโตคอล : กติกาของอินเทอร์เน็ต
| |||||||||||||||||||||||||
| การทำงานต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตจะสอดคล้องกันได้ก็ต้องมีกติกาที่ทุกเครื่อง ทุกโปรแกรม รับรู้และทำตามเป็นแบบหรือมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ซึ่งบนอินเทอร์เน็ตมีกติกาเหล่านี้มากมายสำหรับแต่ละเรื่อง เรียกว่า “โปรโตคอล” (Protocol) ที่สำคัญก็มีอาทิเช่น | |||||||||||||||||||||||||
| TCP/IP กับ IP Address | |||||||||||||||||||||||||
| เป็นกติกาหลักในการรับส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ข้อมูลทุกรูปแบบไม่ว่าจากโปรแกรมโดก็ต้องแปลงให้อยู่ในมาตรฐานของ TCP/IP เสียก่อนจึงจะรับส่งได้กติกานี้กำหนดวิธี ขั้นตอนในการรับส่งข้อมูล และตรวจสอบความถูกต้องอย่างรัดกุม | |||||||||||||||||||||||||
| ส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ ก็คือ การเรียกชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งทางเทคนิคเรียกว่า “ที่อยู่ IP” หรือ IP address เป็นตัวเลขล้วน ๆ 4 ชุด แต่ละชุดมีค่าระหว่าง 0-255 คั่นด้วยจุด เช่น 202.56.159.90 หรือ 203.107.136.7 เป็นต้อน ซึ่งจะตั้งชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้นับพันล้านเครื่องโดยไม่ซ้ำกัน | |||||||||||||||||||||||||
| ชื่อโดเมน | |||||||||||||||||||||||||
![]() | |||||||||||||||||||||||||
| เนื่องจากผู้ใช้ทั่วไปจะรู้สึกว่า IP address นั้นจำยาก จึงมีการคิดระบบ “ชื่อโดเมน” หรือ Domain name ขึ้นมาโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นคำ ๆ ซึ่งสื่อความหมาย นำมาเรียงต่อโดยคั่นแต่ละคำด้วยจุด (.) เช่น kapok.com,hunsa.com, manager.co.th หรือ cnn.com เป็นต้น 5.2 HTTP โปรโตคอลของเว็ป>>>กติกาที่ใช้ดูข้อมูลจากเว็ป 5.2.1 WEb 2.0 ตอบ
Web 2.0 ปัจจุบันวิถีทางในการใช้อินเทอร์เน็ตของชาวไซเบอร์เปลี่ยนไปจากเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมามาก เมื่อก่อนเรารู้จักที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อส่งอีเมล์ คุยกับเพื่อนด้วยแชตรูม หรือใช้โปรแกรมคุย บางครั้งอาจมีการดาวน์โหลดโปรแกรมใหม่ การหาข้อมูล การแลกเปลี่ยนความเห็นที่เว็บบอร์ด การอ่านข่าว ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการใช้งานหลัก ๆ ที่เราใช้งาน
5.2.2 mobile Site ตอบ
|








ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น